การให้คำปรึกษา หรือ Counseling คืออะไร

ประกาศเมื่อ    19 กรกฎาคม 2562 เวลา 13:24:31    ยอดเข้าชม    1762  บทความโดย ก.เทคโนโลยีสารสนเทศ

จากสภาวะสังคมในปัจจุบันที่มีความเคียดและการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้หลายคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพกาย เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และด้านสุขภาพใจ เช่น การนั่งสมาธิ การหากิจกรรมผ่อนคลายมาทำ รวมถึงการขอรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา ซึ่งก็ถือเป็นการดูแลสุขภาพใจ อีกทางหนึ่งเช่นกัน ในปัจจุบันคนไทยตื่นตัวและได้ยินคำว่าการให้คำปรึกษาบ่อยขึ้น การมาพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อขอคำปรึกษา ดูจะเป็นเรื่องที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเข้าถึงง่ายกว่าในสมัยก่อน ซึ่งถือเป็นเรื่องโชคดีของคนสมัยนี้ที่มีทางเลือกในการดูแลสุขภาพใจของตนเองเพิ่มขึ้น ดังนั้นการมาพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อขอคำปรึกษาจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

หลายๆคนอาจเคยมาพบนักจิตวิทยาเพื่อขอคำปรึกษา และก็ยังมีอีกหลายคนเช่นกัน ที่เคยได้ยินแต่ยังไม่เคยมาขอรับบริการเลยสักครั้ง วันนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังว่า การให้คำปรึกษาคืออะไร

การให้คำปรึกษาเป็นกระบวนการช่วยเหลือบุคคล ให้ได้ลองสำรวจความคิด ความรู้สึก เจตคติ ค่านิยมและพฤติกรรมของตนเอง จนเกิดความเข้าใจในตนเอง เข้าใจปัญหาของตนเองและสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น ส่งผลให้บุคคลนั้นมีการบริหารจัดการชีวิตที่สมดุลย์และตัดสินใจเลือกแนวทางการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

การให้คำปรึกษาถือว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยเหลือบุคคล ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีการหนึ่งก็ว่าได้ เรียกได้ว่าการให้คำปรึกษาเป็นวิชาชีพแห่งการช่วยเหลือ การให้คำปรึกษาจะประกอบไปด้วย

1. ผู้ให้ความช่วยเหลือหรือที่เรียกว่าผู้ให้คำปรึกษา (counselor) คือ ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับทักษะทางวิชาชีพมาโดยเฉพาะ ประกอบด้วยมาตรฐานและจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ผู้รับบริการสามารถมองเห็นปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาของตนเองได้ชัดเจนขึ้น

2. ผู้มาขอรับบริการหรือขอความช่วยเหลือ (client) คือ ผู้ที่ไม่สบายใจ เศร้า กังวล มีความคับข้องใจและความไม่สบายใจต่างๆ ที่ยังไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกดังกล่าวได้ จึงมีความต้องการที่จะแสวงหาความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น

ซึ่งกระบวนการให้คำปรึกษาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ในบางรายเพียงครั้งเดียวก็เสร็จสิ้นได้ แต่ส่วนมากจะเป็นปัญหาที่มีรายละเอียดมากและสะสมมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้การให้คำปรึกษาต้องนัดครั้งต่อไปเพิ่มเติม

นอกจากในระดับตัวบุคคลแล้ว ปัจจุบันยังมีองค์กรจำนวนมากที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงานในองค์กร และจัดสรรเวลาให้พนักงานในองค์กรได้รับคำปรึกษาจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นประจำ จากงานวิจัยในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า หากพนักงานในองค์กรได้รับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เป็นประจำจะส่งผลดีต่อองค์กรในหลายๆเรื่อง เช่น พนักงานมีความเครียดในการทำงานลดลง มีทัศนคติที่ดีขึ้นในการทำงาน พนักงานมีความสุขในการทำงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานดีขึ้นตามไปด้วย ช่วยในการปรับพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีนักในการทำงาน เช่น การไม่ตั้งใจทำงาน ขาดงาน ลางาน มาสาย นอกจากนี้ยังทำให้จำนวนการลาออกของพนักงานลดลง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจที่ดีมากในการทำงานให้แก่พนักงานในบริษัท

จะเห็นได้ว่าการขอรับคำปรึกษาจึงไม่ใช่เรื่องยาก หรือเรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป หากแต่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ถือเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งที่เราจะหยิบยื่นให้ตนเองและคนที่เรารัก 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.themindtalk.com/knowledge/detail/3